วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เเรกเริ่มของการเป็นนาคสู่การเป็นพระ


เเรกเริ่มของการเป็นนาคสู่การเป็นพระ

       ความสำคัญของการที่คนเราคนนึงคิดจะบวชไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นเวลา เงิน เเละความพร้อมของตัวผู้ที่จะบวชเองเเละความมุ่งมั่นที่จะต้องทดเเทนบุญคุณพ่อแม่ที่จะต้องมีพร้อมไปด้วยและ ยังคงต้องทำสิ่งที่ผู้บวชทุกคนจะต้องทำมันให้ได้คือ การท่องบทอุกาสะ หรือบทบรรพชาอุปสมสบทนั่นเองเพื่อที่เราจะได้ไม่อายใครในโบถส์ ตัวผมเองใช้เวลาภายใน1อาทิตย์เท่านั้นเพราะมีเวลาเท่านั้นจริงๆ ซึ่งก่อนหน้าจะบวชนั่นผมติดการสอบของมหาลัย1อาทิตย์เต็มๆ แบบที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าต้องหาเวลาที่ตนเองพร้อมจริงๆ แต่ผมคิดว่าผมพร้อมเเล้วจึงบวชเลย 
      เริ่มเเรกให้พี่ไปดูฤกษ์บวชเเละเวลาที่จะบวช ซึ่งผมกะจะบวชระยะสั้นๆเพราะจะได้มีเวลาในการไปเตรียมตัวในการเรียนเทอมต่อไป คิดในใจว่ากะจะสัก5วัน7วัน พระท่านบอกไม่มีฤกษ์ใน5วัน7วัน แต่ได้ฤกษ์9วันเเทน ซึ่งผมก็ตกลงไม่มีปัญหาอะไรถือว่าเลขสวย พอถึงวันที่ก่อนวันวันบวช ได้ทำการปลงผมโกนหัว เเละทำการขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือ เเละจัดเตรียมเครื่องบวชมาตั้งไว้หน้างาน พอไกล้ค่ำก็มีการเทศสอนนาค ทำให้ได้เห็นว่าญาติพี่น้องของผมนั้นมีเยอะมากมายจิงๆ เเต่ผมจัดงานเล็กๆนะครับ พอจบงานวันนี้ 
      เช้าวันรุ่งขึ้น ตี4ต้องมาวัดเตรียมตัวอาบน้ำนาค เพื่อเตรียมเข้าสู่การเป็นพระอย่างเต็มรูปแบบ สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือการมาของเพื่อนๆผมนั้นเยอะมากซึ่งก็ทำให้ผมดีใจว่าในการอุปสมบทครั้งนี้ทำให้ทุกคนได้มารวมตัวพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อน ต่อมาเตรียมจัดขบวนเดินแห่รอบโบสถ์ แห่3รอบครับ พร้อมทั้งโปรยทานไปด้วย พอถึงหน้าโบสถ์ก็ไหว้เสมา เสร็จสัพพร้อมเข้าโบสถ์ ไปนั่งทำพิธีอุปสมบทกะพระอุปปัชชา พร้อมเสร็จสัพจึงได้เป็นพระโดยสมบูรณ์ พอออกจากโบสถ์ก็ได้ยินเสียงคนพูดว่าไหนขอดูหน้าพระที่ท่องครั้งเดียวหน่อย พร้อมหันมาเห็นคนก้มลงไหว้กันเต็มเลย ผมก็ไม่รู้เพราะอะไร พร้อมได้ฉายาว่า กิตติปฺญโญ ซึ่งเเปลว่า ผู้มีปัญญาเป็นเกียรติ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเกิดวันเดียวกับพระที่ตั้งชื่อให้
      พอตอนบ่ายก็จะมีการเลี้ยงที่เรียกว่าเลี้ยงฉลองพระใหม่ ต้องนั่งกินกะเจ้าอาวาสเป็นครั้งเเรก..........ครับเป็นกันทุกคนเเน่ๆเเทบไม่ตักอะไรเลย ถามว่าหิวไหม หิวครับเเต่เกรงๆยังไงบอกไม่ถูก555 พอฉันท์เสร็จพระองค์อื่นก็กลับกุฏิ ส่วนเราก็นั่งรอดูเเขกในงานพอตกเย็นก็กลับกุฏิซึ่งพอเเม่ของผมก็ดูๆเหมือนจะเป็นห่วงหน่อยๆเเต่ผมอยู่ได้ครับ เพราะผมอยู่หอคนเดียวตลอด
     พอถึง กฏิ ก็อยู่ได้นะครับเเต่แมวเยอะไปหน่อยเเต่ต้องทนได้ครับ ห้องอาบน้ำคล้ายๆกะวัดทั่วไปเเต่ต้องทนกับน้ำเย็นก็ต้องทนครับ5555เพราะเราเป็นพระต้องอดทน พอตกเย็นมีหลวงพี่องค์นึงมาสอนการนุ่งห่มจีวร เเละพาผมไปในโบสถ์ตอนกลางคืน เพื่อทำวัตรเย็น ซึ่งผมก็พอได้รู้มาจากการเข้าค่ายธรรมมะที่ไปบ่อยมากตอนมอต้น จึงเข้าใจเร็วเเละพอท่องตามไปได้ พอตกกลางคืน ถามว่าเหงาไหม ก็มีนะครับบางทีมันคนละบรรยากาศกะการอยู่หอคนเดียวเเต่ก็คล้ายกัน อยู่หอจะนอนจะเดินจะกินตอนไหนก็ได้ตามสบาย อยู่กฏิ เดิน นอน นั่งต้องสำรวม กินห้ามกินหลังเที่ยงของเคี้ยวทุกชนิด กินได้เเต่น้ำปานะ พวกน้ำหวาน นม ชา เเรกๆก็หิวนะครับ เเต่ก็ทนได้ เพราะการอยู่ที่กุฏิทำให้เราต้องนอนเร็วไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน

                                                                                         กิตติปฺญโญ